รวม 5 เทคนิค Optimize เว็บอย่างไรให้โดนใจ Google bot
รวม 5 เทคนิค Optimize เว็บอย่างไรให้โดนใจ Google bot

รวม 5 เทคนิค Optimize เว็บอย่างไรให้โดนใจ Google bot

การทำ optimize คือการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหน้าเว็บไซต์ ซึ่งรวมไปถึงการออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้น่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานให้เข้าถึงบนหน้าเว็บ และมีการโต้ตอบกับระบบ (ui) เป็นกระบวนการสำคัญที่มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ ช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการใช้งาน และประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (ux) เพื่อเพิ่มจำนวนการเข้าถึงของเว็บไซต์ในหน้าของการค้นหาได้

5 เทคนิค Optimize website

1. Optimize ความเร็วของเว็บไซต์

การ Optimize ความเร็วของเว็บไซต์ ทำได้จากการลดขนาดไฟล์รูปภาพโดยการบีบอัดหรือใช้รูปภาพที่มีขนาดเล็กลงแต่ความคมชัดและคุณภาพยังเท่าเดิม โดยใช้เทคนิคการแคช (Caching) เพื่อเก็บข้อมูลที่ถูกโหลดมาแล้วและลดเวลาโหลดในการเข้าถึงหน้าเว็บซ้ำในครั้งถัดไป แนะนำให้ใช้ https://compressor.io/ เพราะเป็นเว็บไซต์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถย่อขนาดไฟล์รูปภาพได้โดยที่ไม่เสียคุณภาพของภาพนั้น นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการย่อขนาดไฟล์วิดีโอได้อีกด้วย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับปรุงและลดขนาดของไฟล์วิดีโอได้อย่างง่ายและสะดวก

Optimize

2. ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน ( UX  หรือ User Experience)

ux หรือ ประสบการณ์ที่ผู้ใช้งานได้รับขณะใช้งานหน้าเว็บไซต์หรือบริการต่างๆ  โดยจะมุ่งเน้นไปที่ความเข้าใจ ความพอใจ และความรู้สึกของผู้ใช้งานในขณะที่ใช้งาน ซึ่งเกิดขึ้นจากกระบวนการออกแบบหน้าเว็บไซต์ที่ให้ความสำคัญไปที่ผู้ใช้งานเป็นหลัก ux เหมือนเป็นเส้นทางที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้หน้าเว็บไซต์ได้อย่างราบรื่น ซึ่งลักษณะของ ux ที่สำคัญ คือ

  • ความใส่ใจ : เน้นการใส่ใจและคำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นหลัก โดยการตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของผู้ใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้งานมีความพึงพอใจที่ดีต่อหน้าเว็บไซต์
  • ความง่ายและความสะดวก : โดยจะออกแบบหน้าเว็บไซต์ให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้อย่างง่ายและสะดวกที่สุด โดยมีองค์ประกอบต่างๆ ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างราบรื่น เช่น การจัดเรียงองค์ประกอบ การใช้สัญลักษณ์และช่องข้อมูลที่มีความชัดเจน เป็นต้น
  • ความรู้สึก : มุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานมีความรู้สึกที่ดีด้วยการ ออกแบบหน้าเว็บไซต์ ที่นำเสนอข้อมูลและส่งความรู้สึกที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน เช่น การใช้โทนสี ภาพ และตัวอักษรในการสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น น่าสนใจ หรือเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้งาน

3. ปรับปรุงโค้ดและโครงสร้างของเว็บไซต์

ใช้โค้ดที่เป็นมาตรฐานและถูกต้องตามหลักการพัฒนาเว็บไซต์ เช่น การใช้แท็ก HTML ที่ถูกต้อง และการเขียน CSS และ JavaScript ที่มีโครงสร้างที่เป็นระเบียบเรียบร้อย Optimize โครงสร้างของหน้าเว็บไซต์ให้มีการใช้งานที่เข้าใจง่ายและสะดวก (ui)  ซึ่งการปรับปรุงโครงสร้างของเว็บเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (ux) เราสามารถทำการปรับปรุงโครงสร้างของเว็บให้ดีได้โดยการทำสิ่งต่อไปนี้

  • การปรับปรุงโครงสร้างของข้อมูล : สำรวจและวิเคราะห์โครงสร้างข้อมูลของเว็บเพื่อให้มีการจัดเรียงลำดับข้อมูลที่เหมาะสม การออกแบบโครงสร้างข้อมูลที่ชัดเจนและเป็นระเบียบช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและง่ายต่อการนำไปใช้
  • การปรับปรุงโครงสร้างของเมนูและการนำทาง : การออกแบบเมนูและการนำทางที่ใช้งานง่ายและเข้าใจได้ง่าย ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกดูหน้าเว็บและนำทางไปยังส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว
  • การปรับปรุงโครงสร้างของแบบฟอร์ม : การออกแบบแบบฟอร์มที่เป็นมาตรฐานและใช้งานง่ายช่วยลดความซับซ้อนและข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นในการกรอกข้อมูล การใช้งานฟอร์มที่มีโครงสร้างที่เหมาะสมช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกรอกข้อมูลได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
  • การปรับปรุงโครงสร้างของหน้าเว็บ : การจัดวางและการออกแบบหน้าเว็บให้มีการใช้พื้นที่ที่เหมาะสมและเป็นระเบียบชัดเจน (ui) เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถอ่านและนำข้อมูลไปใช้ได้อย่างสะดวกและสม่ำเสมอ
  • การปรับปรุงโครงสร้างของการเชื่อมต่อ : การแก้ไขปัญหาความผิดพลาดในการเชื่อมต่อระหว่างเว็บไซต์และเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลและฟังก์ชันต่างๆ ของเว็บได้อย่างรวดเร็วและเสถียร (ui)

4. ปรับปรุงการค้นหาและ seo web

การใช้คีย์เวิร์ดหรือคำสำคัญที่เกี่ยวข้องในเนื้อหาของเว็บไซต์ ช่วยเพิ่มโอกาสในการปรากฏในหน้าผลของการค้นหา และการสร้างการเชื่อมโยงภายนอก (External Linking) ที่เกี่ยวข้อง ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ ซึ่งการทำ seo web ให้ติดหน้าแรกของการค้นหาบน Google และเทคนิคที่ทำให้คนเจอหน้าเว็บไซต์ได้อย่างไร สามารถดูได้จากบทความ สอนเทคนิคติดหน้า SEO โดยไม่ใช่เงินแม้แต่บาทเดียว

seo

5. วิเคราะห์และติดตามผล

ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ เช่น Google Analytics เพื่อติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลการเข้าถึงเว็บไซต์
Google Analytics เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์และติดตามผู้ใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน เพื่อให้เข้าใจและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าชมเว็บไซต์ พฤติกรรมผู้ใช้งาน และประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ซึ่งการใช้งาน Google Analytics มีขั้นตอนดังนี้

  • การสร้างบัญชี : เริ่มต้นโดยสร้างบัญชีด้วย Google ที่มีอยู่หรือสร้างบัญชีใหม่ ถ้ายังไม่มีคุณต้องทำการลงทะเบียนและตั้งค่าข้อมูลพื้นฐานสำหรับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคุณในบัญชี Google Analytics
  • การเพิ่มรหัสติดตาม Google Analytics : เมื่อคุณได้สร้างบัญชีและเว็บไซต์แล้ว ให้คุณทำการเพิ่มรหัสติดตามลงในหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคุณ รหัสนี้จะช่วยติดตามการเข้าชมและกิจกรรมของผู้ใช้งานของคุณได้
  • การตั้งค่าการวิเคราะห์ : เพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คุณต้องตั้งค่าการวิเคราะห์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงการตั้งค่าเป้าหมายการเข้าชม เช่น เพจที่ดูหรือการซื้อสินค้า นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดและติดตามการแสดงโฆษณา การสร้างรายงานที่กำหนดเอง และอื่นๆ ได้ตามความต้องการของคุณ
  • การวิเคราะห์ผลลัพธ์ : เมื่อรหัสติดตามได้ถูกเพิ่มลงในเว็บไซต์และการตั้งค่าการวิเคราะห์เสร็จสิ้น คุณสามารถใช้งานแดชบอร์ดเพื่อดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ใช้งาน เช่น จำนวนผู้เข้าชม อัตราการเติบโตของผู้ใช้ แบบพฤติกรรมการเข้าชม และรายงานอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณ
Google Analytics

สรุป

การ Optimize เว็บไซต์เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและเป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต้องคอยตรวจสอบประสิทธิภาพบนหน้าเว็บไซต์และอัปเดตข้อมูลด้วยแนวทาง seo web อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (ux) ให้มีประสิทธิภาพดีมากยิ่งขึ้น รับรองว่า Googlebot จะต้องชอบเว็บไซต์ของคุณ และผลักดันให้เว็บของคุณขึ้นหน้าแรกของ Google แน่นอน
ใครที่กำลังคิดเริ่มธุรกิจออนไลน์ และกำลังมองหา คอร์สเรียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ website เพื่อให้การทำธุรกิจออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จได้ เราขอแนะนำให้คุณเริ่มจากการเรียน digital marketing หลักสูตรการตลาดออนไลน์ ที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการวางแผน และดำเนินกิจการได้อย่างดียิ่งขึ้น ซึงหากคุณกำลังคิดว่าจะ เรียน digital marketing ที่ไหนดี  เราขอแนะนำ  ADVANCED DIGITAL MARKETING CERTIFICATE คอร์สเรียน การตลาดออนไลน์ ที่อัดเน้นเนื้อหาทั้ง 14 หัวข้อ ภายใน 7 สัปดาห์ 42 ชั่วโมง กับอาจารย์ผู้มากด้วยประสบการณ์ในการสอน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ

Save