
5 กลยุทธ์ ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ ยุค AI
ปัจจุบันยุคของ AI กำลังเปลี่ยนวิธีคิดของผู้ประกอบการและธุรกิจไปอย่างมาก ซึ่งเริ่มตระหนักแล้วว่า ความได้เปรียบในวันนี้ ไม่ใช่แค่มีเงินทุนหรือทีมที่เก่งเท่านั้น แต่ต้องมีการวาง กลยุทธ์ ที่มีประสิทธิภาพ บทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 5 กลยุทธ์ ที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุค AI ที่ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีมาใช้เพียงอย่างเดียว แต่คือ การจัดการเชิงกลยุทธ์ การคิดและวางแผนแบบ นักวางกลยุทธ์
กลยุทธ์ คือ อะไร ? ทำไมถึงสำคัญในยุค AI
กลยุทธ์ คือ แผนหรือแนวทางที่วางไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ไปเป้าหมายที่วางไว้ในระยะยาว โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดควบคู่ไปด้วย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อเทรนด์ได้ดีขึ้น
5 กลยุทธ์ ช่วยธุรกิจเติบโตในยุค AI
1. ผสมผสาน AI กับความเป็นมนุษย์ (Human-AI Integration)
ปัจจุบัน AI และ มนุษย์ สามารถทำงานร่วมกับได้ดีมากขึ้น กลยุทธ์แรกที่ เจ้าของธุรกิจ และ นักวางกลยุทธ์ ต้องให้ความสำคัญ คือ ความสามารถของ AI กับทักษะของมนุษย์ จากการสำรวจของ McKinsey & Company พบว่าธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในยุค AI ไม่ได้แค่นำ AI มาแทนที่พนักงาน แต่พวกเขาสร้างระบบที่มนุษย์และ AI สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนการนำไปใช้
1) วิเคราะห์กระบวนการทำงานปัจจุบัน แยกแยะให้ได้ว่าส่วนไหนที่ AI ทำได้มากกว่า และส่วนไหนมนุษย์ทำได้ดีกว่า
2) ฝึกอบรมพนักงานให้ทำงานร่วมกับ AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
3) สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่
2. เก็บข้อมูลที่มีคุณภาพ (High-Quality Data)
ข้อมูล คือ สิ่งที่สำคัญอย่างมากกับธุรกิจในยุค AI เพราะประสิทธิภาพของ AI ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ป้อนเข้าไป จากการสำรวจของ Gartner พบว่า 85% ของโครงการที่นำ AI มาใช้แล้วเกิดความล้มเหลว มาจากปัญหาด้านคุณภาพของข้อมูล ดังนั้น การจัดการเชิงกลยุทธ์ ด้านข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญ
ขั้นตอนการนำไปใช้
1) ตรวจสอบและทำ Data Cleansing
2) สร้างระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
3) กำหนดมาตรฐานในการรวบรวมและจัดการข้อมูล
4) สร้างทีมที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Data Science
5) ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (PDPA)
3. สร้างประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล (Hyper-Personalization)
การใช้ข้อมูลลูกค้าแบบเรียลไทม์ ผสมผสานกับ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำเสนอสินค้า/บริการ หรือคอนเทนต์ที่ตรงใจกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เช่น การส่งโปรโมชั่นที่ตรงกับความสนใจเฉพาะบุคคล ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายและสร้าง Customer Loyalty
ขั้นตอนการนำไปใช้
1) เก็บและรวมข้อมูลลูกค้า จากหลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์, โซเชียลมีเดีย และ CRM เพื่อให้ได้ภาพรวมพฤติกรรมและความชอบของลูกค้าแต่ละราย
2) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Data Analytics) เพื่อแยกแยะพฤติกรรมลูกค้าแต่ละกลุ่ม และคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าในอนาคต
3) สร้างคอนเทนต์ หรือ ผลิตภัณฑ์ ที่ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่ม โดยยึดจากข้อมูลที่ได้มา
4) เลือกช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม โดยเลือกจากกลุ่มเป้าหมายที่ใช้งานแพลตฟอร์มนั้นบ่อยที่สุด
5) ติดตามผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เช่น อัตราคลิก ยอดขาย หรือการมีส่วนร่วม แล้วนำมาปรับเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
4. การรวมทีมคิดแบบ Cross-Function
การดึงคนจากหลายแผนกที่มีความเชี่ยวชาญมาทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนาโปรเจกต์ ข้อดี คือ การได้มุมมองที่รอบด้าน ทั้งด้านเทคนิค การตลาด ลูกค้า และการจัดการ ช่วยให้ตัดสินใจเร็ว แก้ปัญหาได้จริง
ขั้นตอนการนำไปใช้
1) กำหนดเป้าหมายและปัญหาที่ชัดเจน เพื่อให้แต่ละทีมช่วยกันแก้ไข เช่น พัฒนาสินค้าใหม่ หรือปรับแผนการขายออนไลน์
2) คัดเลือกสมาชิกทีมจากหลากหลายแผนก รวมคนจากฝ่ายต่าง ๆ ที่เก่งและมีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้เห็นมุมมองที่หลากหลาย
3) กำหนดว่าใครทำหน้าที่อะไร ให้ทุกคนเข้าใจจุดแข็ง – จุดอ่อน ของกันและกัน พร้อมเลือก Project Owner หรือ Facilitator คอยขับเคลื่อน
4) ใช้เครื่องมือ Collaboration ที่เหมาะสม เช่น Slack, Trello, Notion หรือ Zoom เพื่อสื่อสารและจัดการงานร่วมกันได้แม้อยู่คนละที่
5) วัดผลและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเก็บปัญหาและผลลัพธ์ เพื่อใช้ในการทำงานแบบ Cross-Function รอบต่อไป
5. การปรับตัวอย่างต่อเนื่อง (Continuous Adaptation)
สิ่งที่ทำให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ คือ การพัฒนา ปรับเปลี่ยน และเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ไม่ยึดติดกับแผนเดิม แต่เปิดรับข้อมูลใหม่ พร้อมปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
ขั้นตอนการนำไปใช้
1) รวบรวมข้อมูลจากลูกค้า พนักงาน คู่แข่ง และตลาดผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น CRM, Social Media, แบบสอบถาม หรือ Google Analytics เพื่อให้รู้ทันเทรนด์ในปัจจุบัน
2) นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์แนวโน้ม ความเสี่ยง และโอกาส เพื่อให้เข้าใจภาพรวมธุรกิจและตัดสินใจได้แม่นยำ
3) ทดลองและลงมือทำตามแผนที่วางไว้ โดยอาจจะเริ่มจากแผนที่ทำได้ง่ายและทำได้ทันที เช่น เปิดตัวสินค้าใหม่กับกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม หรือทดสอบแคมเปญการตลาดเฉพาะพื้นที่ แล้วนำผลลัพธ์มาปรับใช้ต่อ
4) ปรับแผนอย่างต่อเนื่อง โดยต้องไม่ยึดติดกับผลลัพธ์ในอดีต พร้อมปรับเปลี่ยนทันทีเมื่อเห็นแนวโน้มใหม่ เพื่อให้ทันต่อเทรนด์ของตลาด
5) ส่งเสริมให้ทุกคนในทีมเปิดรับการเรียนรู้ กล้าทดลองสิ่งใหม่ และร่วมกันปรับตัวอยู่เสมอ เพื่อให้ทั้งองค์กรพร้อมเปลี่ยนแปลงไปข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ประกอบการที่อยากเติบโตในยุค AI หลักสูตรกลยุทธ์ธุรกิจ จะช่วยให้คุณวิเคราะห์คู่แข่ง และมี การจัดการเชิงกลยุทธ์ ที่ดี เหมาะสำหรับ ธุรกิจทุกประเภท เช่น อสังหาริมทรัพย์, คลินิกเสริมความงาม, ร้านอาหาร, โรงแรม/ท่องเที่ยว, E-commerce ฯลฯ เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรงในวงการธุรกิจ

หากคุณต้องการเปลี่ยนสายงาน หรือ อัปสกิล Digital Marketing คอร์สเรียนการตลาดออนไลน์ จะช่วยให้คุณเข้าใจและสามารถทำงานในสายงานการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอนโดยอาจารย์ที่ได้การรับรองมาตรฐานความรู้จากสถาบันระดับโลก มีประสบการณ์ตรง ระยะเวลาสั้น คอร์สเดียวจบ ครบทุกทักษะด้านการตลาด
สรุป
ผู้ประกอบการที่จะประสบความสำเร็จในยุค AI ต้องวาง กลยุทธ์ ให้มีประสิทธิภาพ และมี การจัดการเชิงกลยุทธ์ ที่ชาญฉลาด เพื่อรับมือกับเทรนด์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว